น้องสาวมีกลิ่นเหม็น ช่องคลอดมีกลิ่น ทำอย่างไรดี 8 วิธีแก้ปัญหาน้องสาวมีกลิ่นให้หายไป

น้องสาวมีกลิ่นเหม็น ช่องคลอดมีกลิ่น ทำอย่างไรดี 8 วิธีแก้ปัญหาน้องสาวมีกลิ่นให้หายไป

น้องสาวมีกลิ่นเหม็น กลิ่นคล้ายปลาเค็ม ปัญหาจากกลิ่นที่ดูเหมือนจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ แต่กลับสร้างความหนักอกหนักใจให้กับสาวๆ กันมานักต่อนัก ยิ่งปัญหารุนแรงขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งสูญเสียความมั่นใจมากขึ้นเท่านั้น แถมอาการช่องคลอดมีกลิ่นยังเป็นเหมือนสัญญาณเตือนจากน้องสาว ที่บอกให้เรารู้ได้ว่าอาจมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพของช่องคลอด หากไม่รีบจัดการให้หายไปตั้งแต่เนิ่นๆ อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ แต่ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะเพราะเราสามารถจัดการปัญหาน้องสาวมีกลิ่นเหม็นให้หมดไปได้ด้วยตัวเอง ต้องทำอย่างไรบ้างนั้น บทความนี้รวม 7 วิธีขจัดกลิ่นจุดซ่อนเร้นมาฝากกันแล้วค่ะ

น้องสาวมีกลิ่นปลาเค็ม หรือจุดซ่อนเร้นมีกลิ่น เกิดจากสาเหตุใด
น้องสาวมีกลิ่นเหม็น อับชื้น เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ เกิดขึ้นได้จากหลายๆสาเหตุ ทั้งจากปัญหาสุขภาพและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราค่ะ

น้องสาวมีกลิ่นที่เกิดจากการอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยที่สุดในกลุ่มผู้หญิงค่ะ โดยปกติแล้วบริเวณช่องคลอดจะมีแบคทีเรียตัวดีเป็นแบคทีเรียประจำถิ่นที่มีชื่อว่า แลคโตบาซิลัส (Lactobacillus) คอยสร้างสมดุลในบริเวณช่องคลอด แต่เมื่อไหร่ที่แบคทีเรียตัวดีถูกรบกวนจนมีปริมาณน้อยลง เช่น การสวนล้างช่องคลอด หรือการติดต่อโรคทางเพศสัมพันธ์ ก็จะทำให้น้องสาวเริ่มมีกลิ่นเหม็น อับชื้น พร้อมทั้งมีอาการตกขาวผิดปกติร่วมด้วย
- ปัญหาช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นที่มีสาเหตุจากโรค เช่น โรคมะเร็งปากมดลูก มะเร็งในช่องคลอด หรืออาจเกิดได้ในกรณีที่ทวารหนักทะลุเข้าช่องคลอด (Rectovaginal Fistula) ทำให้มีอุจจาระบางส่วนหลุดเข้ามาในช่องคลอด และเกิดกลิ่นเหม็นได้ค่ะ
- ช่องคลอดมีกลิ่นที่เกิดจากการทำความสะอาดและสุขอนามัยที่ไม่เหมาะสม เช่น การทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นด้วยการสวนล้าง จะทำให้แบคทีเรียตัวดีเสียสมดุล การเช็ดทำความสะอาดไม่ดีจนทำให้เกิดการอับชื้น หรือเช็ดผิดวิธี โดยวิธีการเช็ดทำความสะอาดที่ถูกต้อง คือ เช็ดจากบริเวณด้านหน้าไปยังด้านหลังค่ะ (ท่อปัสสาวะ ช่องคลอด ไปหาทวารหนัก) หรือในบางกรณีอาจเกิดจากการนำสิ่งแปลกปลอมใส่เข้าไปในช่องคลอด ตลอดจนถึงการสวมใส่ชุดชั้นในหรือเสื้อผ้าที่รัดรูปจนเกินไป ก็ทำให้เกิดปัญหาช่องคลอดอับชื้นและส่งกลิ่นโชยออกมาได้เช่นเดียวกันค่ะ
- ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นเพราะอาหารที่ทานเข้าไป สาวๆหลายคนชื่นชอบการรับประทานอาหารหมักดองและอาหารที่มีรสเค็มจัด เช่น ผลไม้ดอง กะปิ ส้มตำ ปลาร้า เป็นต้น โดยกลิ่นของอาหารเหล่านี้จะปนออกมากับปัสสาวะของเรา แถมยังกระตุ้นให้มีตกขาวมากกว่าปกติ ส่งผลให้น้องสาวมีกลิ่นเหม็นได้ นอกไปจากนี้ยังรวมไปถึงกลุ่มผู้ที่ทานยาปฏิชีวนะติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะยาปฏิชีวนะจะไปลดแบคทีเรียตัวดีที่บริเวณช่องคลอด ทำให้ช่องคลอดเสียสมดุลและมีกลิ่นเหม็นได้ค่ะ

8 วิธีแก้ปัญหาน้องสาวมีกลิ่นให้หมดไป ไร้ปัญหากลิ่นโชย

1. ไม่สวนล้างช่องคลอด ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำยาล้างจุดซ่อนเร้นที่มีค่า pH เหมาะสม หลายๆคนเข้าใจว่ายิ่งสวนล้างช่องคลอดให้สะอาด จะช่วยลดปัญหาน้องสาวมีกลิ่นเหม็นลงได้ แต่แท้จริงแล้วนั้นการสวนล้างช่องคลอดบ่อยๆ จะยิ่งกระตุ้นให้น้องสาวมีกลิ่นได้มากขึ้น เพราะแบคทีเรียในช่องคลอดเสียสมดุลค่ะ วิธีการทำความสะอาดน้องสาวที่เหมาะสมที่สุด คือ ทำความสะอาดบริเวณด้านนอกเพียงอย่างเดียว โดยอาจล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าหรือเลือกใช้น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้นที่มีความอ่อนโยน เป็นมิตรกับจุดซ่อนเร้นอย่าง ยันฮี เฟมจิ (YANHEE FEMJI) ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่คิดค้นโดยผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลยันฮี ผสานสารสกัดจากสมุนไพรอย่างใบบัวบกและใบไทม์ จึงช่วยลดอาการอักเสบและยับยั้งแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุของกลิ่นเหม็นอับ มีค่า ph 4.75-5.3 ซึ่งอ่อนโยนและปลอดภัยต่อจุดซ่อนเร้น ทั้งยังช่วยบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื้น หมดปัญหาน้องสาวมีกลิ่นเหม็น ให้คุณผู้หญิงมั่นใจยิ่งขึ้น
2. ไม่กินยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น เพราะยาปฏิชีวนะทำให้แบคทีเรียตัวดีในช่องคลอดน้อยลง ช่องคลอดเสียสมดุล เกิดการอักเสบ ติดเชื้อและเกิดปัญหาช่องคลอดมีกลิ่น คัน ได้ง่าย ดังนั้นแล้วไม่ควรใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น ควรใช้ตามที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำเท่านั้น
3. เช็ดทำความสะอาดน้องสาวให้แห้งอย่างถูกวิธี หากสาวๆคนไหนเช็ดทำความสะอาดแบบผิดๆ คือ เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลังบ้าง เช็ดจากด้านหลังมาด้านหน้าบ้าง ให้รีบหยุดโดยด่วนเลยค่ะ วิธีการเช็ดทำความสะอาดที่ถูกต้องคือการเช็ดจากด้านหน้าไปหลังเท่านั้นค่ะ
4. ดูแลขนบริเวณจุดซ่อนเร้นให้ดี จริงๆแล้วเราไม่ต้องโกนขนตรงส่วนนี้ไปจนหมดค่ะ เพราะขนที่บริเวณจุดซ่อนเร้นจะช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ช่องคลอด ช่วยลดโอกาสการเกิดกลิ่นในช่องคลอดได้ แต่ถ้าขนเหล่านี้มีมากไปก็เสี่ยงต่อการอับชื้นเช่นเดียวกันค่ะ ดังนั้นแล้วเราอาจจะใช้วิธีตัดแต่งขนให้สั้นลงเล็กน้อยเพื่อสร้างสุขอนามัยที่ดีให้กับน้องสาวของเราค่ะ
5. หลีกเลี่ยงการใส่ผ้าอนามัยเป็นประจำทุกวัน รวมถึงควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆในช่วงที่มีประจำเดือน หลายๆคนชอบใส่แผ่นอนามัยเป็นประจำเพราะรู้สึกว่าสะอาดกว่า แต่การใส่แผ่นอนามัยเป็นเวลานานจะยิ่งทำให้น้องสาวของเราอับชื้นและมีโอกาสเกิดกลิ่นได้ง่ายกว่าเดิมค่ะ ดังนั้นแล้วควรใช้แผ่นอนามัยเท่าที่จำเป็นเท่านั้นและที่สำคัญควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกๆ 2-3 ชั่วโมงในช่วงวันนั้นของเดือน เพื่อช่วยลดความอับชื้นและลดโอกาสที่จะเกิดกลิ่นลง
6. สวมใส่ชุดชั้นในที่ถ่ายเทอากาศได้ง่ายและไม่ใส่ชุดที่รัดรูปมากเกินไป เพราะการใส่ชุดแบบแนบเนื้อ รัดรูปมากๆ จะระบายอากาศได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้เกิดปัญหาน้องสาวอับชื้นและเกิดกลิ่นได้ ทางที่ดีควรเลือกสวมใส่เสื้อผ้าหรือชุดชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้าย ผ้าลินิน หรือผ้าแชมเบรย์ ที่ระบายเหงื่อได้ดีกว่าค่ะ และที่สำคัญไม่ควรตากชุดชั้นในในที่ร่ม เช่น ตากในบ้านหรือในห้องแต่งตัว เพราะอาจทำให้เกิดโรคเชื้อราในช่องคลอดได้ค่ะ โดยควรตากชุดชั้นในในที่แสงแดดส่องถึง และอากาศถ่ายเทได้สะดวกค่ะ
7. ทานอาหารหมักดองและอาหารรสเค็มให้น้อยลง ทั้งส้มตำ ปลาร้า ผลไม้ดอง แหนม กะปิ อาหารทะเล อาหารสุกๆดิบๆ ฯลฯ โดยเฉพาะในช่วงที่น้องสาวมีกลิ่นมากๆ ให้งดอาหารพวกนี้ไปเลยจะดีที่สุดค่ะ แล้วหันมารับประทานอาหารที่ช่วยลดปัญหากลิ่นในช่องคลอด อย่างพวกโยเกิร์ต นมเปรี้ยว หรือสับปะรด ที่สำคัญอย่าลืมดื่มน้ำสะอาดเยอะๆ เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับช่องคลอดอยู่เสมอค่ะ

น้องสาวมีกลิ่นเหม็น กลิ่นคล้ายปลาเค็ม ปัญหากลิ่นโชยที่คอยฉุดความมั่นใจของสาวๆหลายคน มีสาเหตุหลักๆมาจากเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดเสียสมดุล จัดการปัญหาน้องสาวมีกลิ่นให้หายไปด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทั้งการเลือกทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารหมักดองและอาหารที่มีรสเค็มจัด สวมใส่เสื้อผ้าที่ถ่ายเทอากาศได้ง่าย ไม่อับชื้น และทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นให้ถูกวิธี เลือกใช้น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้นที่ปลอดภัยและอ่อนโยนต่อผิวอย่าง ยันฮี เฟมจิ (YANHEE FEMJI) ที่สุดของนวัตกรรมดูแลจุดซ่อนเร้น ที่คิดค้นโดยผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลยันฮี เพียงเท่านี้ปัญหาน้องสาวมีกลิ่นเหม็นคอยกวนใจ ก็จะค่อยๆดีขึ้นและหายไปอย่างแน่นอนค่ะ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้