รักษาฝ้าผิด เสี่ยงฝ้าลาม หน้าติดสาร

รักษาฝ้าผิด เสี่ยงฝ้าลาม หน้าติดสาร

            ฝ้า เป็นหนึ่งในปัญหาต้นๆ ของคนวัยเลขสามที่ต้องเผชิญโดยเฉพาะคุณผู้หญิง เนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้น สุขภาพร่างกายในทุกๆ ด้าน รวมถึงผิวพรรณจึงเสื่อมถอยลง การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้ผิวบางลง แห้ง หย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น และกระบวนการผลัดเซลล์ผิวลดน้อยลง เซลล์ผิวใหม่ต้องใช้เวลานานกว่าปกติถึงจะขึ้นมาแทนเซลล์ผิวเก่าได้ ซึ่งทำให้มีฝ้า ริ้วรอย จุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอเกิดขึ้นได้ง่าย

            ฝ้าอาจถูกกระตุ้นจากปัจจัยภายนอกอย่างแสงแดด เครื่องสำอาง ฮอร์โมน สารเคมี หรือยาบางชนิด จนทำให้จำนวนของเซลล์เม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้นบริเวณผิวหนังชั้นนอก และเมื่อเม็ดสีมีปริมาณมากก็จะเกิดความผิดปกติบนผิวหนัง เช่น ฝ้ากระ ที่มักพบบริเวณหน้าผาก โหนกแก้ม และจมูก เป็นต้น

            วิธีรักษาฝ้ามีหลากหลายวิธี ทั้งวิธีที่ดีทำให้ฝ้าจางลงได้อย่างยั่งยืน โดยไม่ทำให้ผิวหน้าบางลง และวิธีที่ทำให้ฝ้าเกิดการลามลึกหนัก สีคล้ำเข้ม เสี่ยงผิวหน้าติดสารจนเป็นอันตรายหากรักษาไม่ทัน เรามาดูการรักษาฝ้าผิดวิธีแบบต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงและป้องกันเมื่อเป็นฝ้ากันค่ะ

             แต่งหน้าปกปิดฝ้า

             สำหรับผู้ที่เริ่มเป็นฝ้า อาจจะใช้วิธีแต่งหน้าเพื่อปกปิดรอยฝ้าเพราะเป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุด แต่เนื่องจากเครื่องสำอางบางตัวมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ สารกันเสีย ฮอร์โมน และน้ำหอม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นตัวกระตุ้นทำให้เป็นฝ้าหนักกว่าเดิมได้ ถ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าได้ ควรหมั่นล้างหน้าให้สะอาด ไม่ควรลืมล้างเมคอัพก่อนนอนเด็ดขาดและล้างอุปกรณ์แต่งหน้าเสมอ

            ใช้ครีมเถื่อน เคลมแรง

            มีสกินแคร์หลายตัวที่เคลมว่าช่วยรักษาฝ้าโดยเฉพาะ หากไม่ตรวจสอบหรือเช็คข้อมูลของตัวสินค้าให้ดี อาจเจอสกินแคร์เถื่อน ไม่มีอย. ไม่ได้มาตราฐาน ไม่มีงานวิจัยรับรองว่าสามารถรักษาฝ้าได้จริง มีสารปรอทอันตราย เมื่อใช้ไปเรื่อยๆ เสี่ยงผิวติดสาร หน้าบางลง ฝ้าเป็นลึก และลามกว้างกว่าเดิม

             ใช้เคมีลอกฝ้า

             เป็นวิธีที่ช่วยให้เซลล์ผิวชั้นนอกที่เสื่อมหลุดลอกไปได้ หากใช้น้ำยาที่รุนแรงเกินไป ทำกับคลินิกที่ไม่ได้มาตราฐาน ไม่ได้ทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การลอกผิวหน้าบ่อยๆ ก็จะทำให้ผิวหน้าบางลง ลอก แห้ง และระคายเคืองได้ง่าย จึงอาจทำให้ผิวไวต่อแสง มีอาการไหม้ และแสบแดงได้ง่ายขึ้น เป็นฝ้าได้ง่ายกว่าเดิม

            กรอผิวหน้าลดฝ้า

            ผลเสียที่ตามมาจากการกรอผิวหน้าเพื่อรักษาฝ้า คือต้องทำมากกว่า 10 ครั้งขึ้นไปจึงจะเห็นผล หากมีสิวเยอะ หรือหลุมสิวลึกก็จะต้องกรอผิวหน้าในระดับลึก จนทำให้บวม แสบ แดง บางรายอาจเกิดอาการแพ้ หากมีผิวบางอยู่แล้วไม่แนะนำวิธีนี้

            เลเซอร์ฝ้า

            สุดท้ายแล้ว แถมให้อีก 1 วิธี นั่นคือการเลเซอร์ฝ้าค่ะ เลเซอร์ช่วยกำจัดเม็ดสีเดิมให้หลุดออกไป แต่ไม่ได้ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสี แถมยังกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของผิวได้ เสี่ยงผิวหน้าบาง ไวต่อแดดที่เป็นตัวกระตุ้นให้ฝ้าปะลุและรุนแรงขึ้น

            ทั้งหมดนี้เป็นวิธีรักษาฝ้าแบบผิดๆ แนะนำให้หลีกเลี่ยงวิธีเหล่านี้ในการรักษาฝ้านะคะ หากต้องเลือกสกินแคร์รักษาฝ้าสักตัว แนะนำให้ศึกษาข้อมูลอย่างดี ดูว่าสกินแคร์ตัวดังกล่าวใช้สารสกัดอะไรบ้าง มีงานวิจัยรับรองหรือไม่ มีผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ผิวหนังพูดถึงอย่างไรบ้าง และถ้าหากมีการทดสอบกับผู้ที่เป็นฝ้าจริงก่อนด้วยจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียวค่ะ ฝ้าไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้นะคะ แต่สามารถรักษาให้จางลงจนแทบมองไม่เห็นได้อย่างยั่งยืน โดยไม่ทำให้ผิวบางลงค่ะ

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้